ผู้เขียน หัวข้อ: แพ้ท้อง พะอืดพะอม แก้ยังไง จัดการอาการไม่พึงประสงค์ ให้คุณแม่สบายตัว  (อ่าน 39 ครั้ง)

ceetanchanok

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 11
  • โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า บริการ ลด แลก แจก แถม แห่งใหม่ ลงประกาศได้ไม่จำกัด
    • ดูรายละเอียด
สำหรับคุณแม่มือใหม่หลายท่าน การตั้งครรภ์คือประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น แต่หนึ่งในประสบการณ์ที่อาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลยก็คือ อาการ แพ้ท้อง พะอืดพะอม แก้ยังไง ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ โดยปกติมักจะเริ่มขึ้นประมาณสัปดาห์ที่ 4-6 และมักจะดีขึ้นหรือหายไปเองเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง แม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็สร้างความทรมานและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณแม่ได้ไม่น้อยเลย

ทำไมถึงเกิดอาการแพ้ท้อง พะอืดพะอม?
สาเหตุหลักของอาการแพ้ท้องเชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความไวต่อกลิ่น การขาดน้ำตาลในเลือด หรือความเครียด ก็อาจมีส่วนกระตุ้นให้อาการแย่ลงได้

แพ้ท้อง พะอืดพะอม แก้ยังไงดี? 5 วิธีช่วยให้คุณแม่สบายขึ้น
แม้จะไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ทันที แต่อาการ แพ้ท้อง พะอืดพะอม แก้ยังไง สามารถบรรเทาลงได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่คุณแม่สามารถทำตามได้เอง

1. กินบ่อยขึ้น...แต่กินน้อยลง: การปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานานอาจทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง ลองแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อต่อวัน แทนการกิน 3 มื้อใหญ่ ๆ และพยายามมีของว่างติดตัวไว้เสมอ เช่น แครกเกอร์ ธัญพืช หรือผลไม้แห้ง

2. เลือกอาหารที่ย่อยง่ายและไม่กระตุ้นอาการ: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด เผ็ดจัด หรือมีกลิ่นแรง เพราะอาจกระตุ้นอาการคลื่นไส้ได้ง่าย เน้นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว ขนมปังปิ้ง มันฝรั่งต้ม หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไข่ต้ม

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ...แต่จิบทีละน้อย: การขาดน้ำสามารถทำให้อาการแพ้ท้องแย่ลงได้ ควรจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ ตลอดวัน หรืออาจลองดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ ชาสะระแหน่ หรือน้ำผลไม้ที่ไม่เปรี้ยวจัด นอกจากนี้ การดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหารอาจช่วยให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไปจนรู้สึกอิ่มแน่น

4. หลีกเลี่ยงกลิ่นที่กระตุ้น: คุณแม่หลายคนมีความไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษในช่วงแพ้ท้อง ลองสังเกตว่ากลิ่นใดบ้างที่ทำให้คลื่นไส้ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นน้ำหอม กลิ่นบุหรี่ แล้วพยายามหลีกเลี่ยง หากจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีกลิ่น ลองใช้สเปรย์ปรับอากาศกลิ่นอ่อน ๆ หรือพกสำลีชุบน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาวหรือเปปเปอร์มินต์ไว้ดม

5. พักผ่อนให้เพียงพอ: ความเหนื่อยล้าสามารถทำให้อาการแพ้ท้องแย่ลงได้ ควรจัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งการนอนหลับตอนกลางคืนและงีบหลับระหว่างวัน หากรู้สึกคลื่นไส้มาก ๆ การนอนพักสักครู่ก็อาจช่วยบรรเทาอาการได้

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์?
แม้ว่าอาการแพ้ท้องจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากคุณแม่มีอาการรุนแรงมาก เช่น คลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลาจนไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ มีน้ำหนักลด หรือรู้สึกอ่อนเพลียมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เพราะในบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับยาบรรเทาอาการคลื่นไส้หรือสารน้ำทางหลอดเลือดดำ

การดูแลตัวเองอย่างดีในช่วงแพ้ท้องจะช่วยให้คุณแม่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในไตรมาสถัดไปได้อย่างมีความสุข